Menu
home
>>
อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานของกรมทางหลวงชนบท ในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่ง ย้ำไม่ให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างก่อสร้าง พร้อมรับมือแก้ไขปัญหาอุทกภัย เน้นพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว สนับสนุนการขนส่งสินค้าชายแดน เชื่อมต่อโครงข่ายระบบคมนาคมให้มีความสมบูรณ์

อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานของกรมทางหลวงชนบท ในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่ง ย้ำไม่ให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างก่อสร้าง พร้อมรับมือแก้ไขปัญหาอุทกภัย เน้นพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว สนับสนุนการขนส่งสินค้าชายแดน เชื่อมต่อโครงข่ายระบบคมนาคมให้มีความสมบูรณ์

(1 ต.ค. 67) ดร.มนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานให้กับบุคลากรกรมทางหลวงชนบท เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามแนวทางนโยบาย ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวงชนบท โดยมีนายพิชิต หุ่นศิริ รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ด้านบำรุงทาง) เป็นผู้กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.วีรเดช ชีวาพัฒนานุวงศ์ วิศวกรใหญ่กรมทางหลวงชนบท (ด้านสำรวจและออกแบบ) นายลิขิต ทิฐิธรรมเจริญ ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ วิจัยและพัฒนา รักษาการวิศวกรใหญ่กรมทางหลวงชนบท (ด้านควบคุมการก่อสร้าง) คณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบท ร่วมให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมธารสิทธิ์พงษ์ กรมทางหลวงชนบท โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 1 – 18 ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Cloud Meeting) ทั้งนี้ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ได้มอบนโยบายภารกิจเร่งด่วนของกรมทางหลวงชนบท 3 ประเด็นหลัก 13 ภารกิจเร่งด่วน ดังนี้ 1. เตรียมการรับมือ เผชิญเหตุอุทกภัย ให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ภูมิภาคที่มีลำน้ำผ่านในพื้นที่ และมีโอกาสที่จะท่วมเส้นทาง เตรียมวางแผนจัดทำ Bigbag ถุงทราย และจัดเตรียมทราย เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน 2. ตรวจสอบพื้นที่ที่มีดินโคลนถล่มทับเส้นทาง เพื่อปรับปรุงป้องกันในปีต่อไป 3. เตรียมการสำรวจสะพานและคอสะพานที่มีระดับ หากมีความจำเป็นต้องยกสูงขึ้นเพื่อให้พ้นระดับน้ำสูงสุด เตรียมสำรวจออกแบบ เสนอแผนปรับปรุงแก้ไข หากมีความจำเป็นต้องยกสูงขึ้น เพื่อให้พ้นระดับน้ำสูงสุด ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากในปีต่อไป 4. เพิ่มคุณภาพการให้บริการประชาชนด้านความปลอดภัย โดยปรับปรุงการมองเห็น ทั้งป้ายจราจรและสีตีเส้น ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงสภาพผิวทาง 5. เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยระหว่างก่อสร้าง และการบริหารการจราจร ไม่ให้เกิดการติดขัดในบริเวณพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง 6. เข้มงวดเรื่องการบริหารจัดการในการส่งมอบพื้นที่และการควบคุมงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จตรงตามเวลาที่ระบุในสัญญา 7. จัดลำดับความสำคัญของการรับมอบ คืน ถนนจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตามประโยชน์ที่จะเกิดกับโครงข่ายของกรมทางหลวงชนบทเป็นสำคัญ 8. ตรวจสอบโครงข่ายถนนของกรมทางหลวงชนบท เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้า ผลิตภัณฑ์ โครงการพระราชดำริ เพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายถนนของกรมทางหลวงไปสู่ตลาดให้สะดวก รวดเร็ว 9. วางแผนโครงข่ายทางหลวงชนบทให้รองรับเสริมกับโครงข่ายถนนสายหลักของกรมทางหลวง และโครงข่ายถนนท้องถิ่นให้เหมาะสม 10. เร่งรัดเบิกจ่ายให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงคมนาคม ทุกโครงการฯ ต้องลงนามก่อนสิ้นไตรมาสแรก มีเกณฑ์ตัวชี้วัด 11. เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาทางแยก และบริเวณที่เป็นคอขวดให้มีความปลอดภัย และไม่สร้างปัญหาการจราจร 12. พิจารณาทบทวนกฎหมายของตนเองให้มีความทันสมัย ยืดหยุ่น ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม และรองรับเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในอนาคต หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงให้เร่งนำเสนอทันที 13. ให้ความสำคัญกับการสื่อสารให้ข้อมูลกับพี่น้องประชาชนในทุกช่องทาง เพื่อให้สาธารณะเข้าใจถึงภารกิจและผลงานของกระทรวงคมนาคม “ขอให้มีความเป็นหนึ่งเดียว รักและสามัคคีต่อกัน ร่วมพัฒนา ผลักดันกรมทางหลวงชนบทให้เติบโตขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้การเดินทางมีความสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล พัฒนาเส้นทางสนับสนุนการท่องเที่ยว (Scenic Route) เช่น Thailand Riviera, สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา, สะพานเชื่อมเกาะลันตา พัฒนาเส้นทางสนับสนุนการค้าชายแดน ให้โครงข่ายทางหลวงชนบทเชื่อมต่อเป็นโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่มีความสมบูรณ์” ดร.มนตรี กล่าวเพิ่มเติม

 

อื่นๆ

กรมทางหลวงชนบท เริ่มเดินหน้าเข้าพื้นที่ก่อสร้างถนนสาย จ ผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร รองรับการจราจรเข้าสู่ตัวเมือง เชื่อมต่อเศรษฐกิจและการเดินทาง ไปยังจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมร่นระยะทางข้ามแม่น้ำปิงได้อย่างสมบูรณ์ คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2570

อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ร่วมรับฟังโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง แนวทางการเขียนผลงานสำหรับการประเมินผลงานเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นในระดับชำนาญการและระดับชำนาญการพิเศษ (ในสายงานวิศวกรรมโยธา)

Skip to content