อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเส้นทางดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมกับ ทล.1 และไปสิ้นสุดโครงการที่จุดตัดระหว่าง ทล.101 และ ทล.112 ช่วงระหว่าง กม.ที่ 0+000 ถึง กม.ที่ 3+510 โดยจะดำเนินการก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก 6 ช่องจราจร (ไป – กลับ) กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้าง 2.50 เมตร ทางเท้ากว้าง 3.40 เมตร และเกาะกลางแบบยก รวมถึงจะมีการก่อสร้างสะพานข้ามคู่ขนานแม่น้ำปิง ตัวสะพานมีความยาว 550 เมตร โครงสร้างสะพานเป็นแบบระบบพื้นและคานสะพานรูปกล่อง ซึ่งก่อสร้างโดยวิธีคานยื่นสมดุล มีจุดกลับรถ 4 แห่ง บริเวณจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุดโครงการ และใต้สะพานทั้งสองฝั่ง พร้อมก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบระบายน้ำ งานอำนวยความปลอดภัย และงานภูมิสถาปัตยกรรม รวมระยะทางก่อสร้าง 3.510 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 1,594 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์ นอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายวงแหวนเลี่ยงเมืองให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นแล้ว ยังเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมไปยังจังหวัดตาก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ พร้อมรองรับการขยายตัวของเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณการจราจรที่เข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดกำแพงเพชรได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย นอกจากนี้ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ทช. ได้คำนึงถึงความปลอดภัย โดยได้ทำการติดตั้งแบริเออร์ และป้ายเตือนลดความเร็วเพื่อให้ประชาชนสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน จึงขอความร่วมมือให้ผู้ใช้เส้นทางโปรดสังเกตป้ายจราจร และปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนต่อไปจึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ