Menu
home
>>
กรมทางหลวงชนบท แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่จังหวัดน่าน หลีกเลี่ยงเส้นทางจากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง หลังพบถนนทางหลวงชนบทสัญจรผ่านไม่ได้ 2 สายทาง มอบหน่วยงานในพื้นที่ดูแลอำนวยความสะดวกและปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเต็มกำลัง

(วันที่ 18 ก.ค. 68 เวลา 09.00 น.) พบถนนทางหลวงชนบทในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้รับผลกระทบสัญจรผ่านไม่ได้ จำนวน 2 สายทาง ได้แก่ 1. ถนนทางหลวงชนบทสาย นน.4022 แยก ทล.1148 (กม.ที่ 2+086) – บ้านสบขุ่น อำเภอท่าวังผา ช่วง กม.ที่ 1+100 – 1+300 และ 2. ถนนเชิงลาดสะพานวังม่วงพัฒนา (สาย นน.017) อำเภอปัว ช่วง กม.ที่ 0+000 – 0+400 รวมถึงยังมีสายทางที่ได้รับผลกระทบ แต่สัญจรผ่านได้ จำนวน 1 สายทาง ได้แก่ ถนนทางหลวงชนบทสาย นน.3007 แยก ทล.101 (กม.ที่ 398+942) – บ้านนาหนุน อำเภอท่าวังผา โดยได้มอบหมายให้สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 17 (เชียงราย) และแขวงทางหลวงชนบทน่าน ลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกปลอดภัยเข้าติดตั้งเพื่อแจ้งเตือนให้กับประชาชนในพื้นที่หลีกเลี่ยงการสัญจรบนสายทางดังกล่าว และจัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการปิดเส้นทางการสัญจร และติดตั้งป้ายเตือน อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งในวันนี้จะได้นำรถบรรทุกสูงเข้าช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่สามารถสัญจรข้ามผ่านเส้นทางน้ำท่วมได้อย่างสะดวกปลอดภัย นายมนตรี กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ผลกระทบจากปริมาณฝนที่ตกลงมาติดต่อกันหลายวันนั้นยังส่งผลต่อถนนทางหลวงชนบทในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีก 3 จังหวัด แต่ยังสามารถสัญจรผ่านได้ ได้แก่ จังหวัดแพร่ (ถนนทางหลวงชนบทสาย พร.6040 บ้านน้ำพุสูง อำเภอร้องกวาง – บ้านแม่แรม อำเภอสอง ช่วง กม.ที่ 5+280 – 6+150) จังหวัดกาฬสินธุ์ (ถนนทางหลวงชนบทสาย กส.4003 แยก ทล.2336 – บ้านโคกศรี อำเภอนามน อำเภอห้วยผึ้ง ช่วง กม.ที่ 3+750 – 3+800) และจังหวัดอุบลราชธานี (ถนนทางหลวงชนบทสาย อบ.4038 แยก ทล.2173 อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอสิรินธร ช่วง กม.ที่ 18+000 – 18+200) โดยขณะนี้สำนักงานทางหลวงชนบทและแขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ได้เข้าติดตั้งป้ายเตือน ป้ายบอกระดับน้ำ อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยบนสายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมผิวทาง และจัดการสายทางให้เรียบร้อย พร้อมล้างทำความสะอาดเพื่อให้ประชาชนใช้ในการสัญจรได้อย่างสะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นายมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ได้สั่งการไปยังสำนักงานทางหลวงชนบท และแขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศ ให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมหมั่นตรวจตราสายทางที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ หากพบสายทางที่ได้รับผลกระทบให้เร่งระดมเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่และนำอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย อาทิ ป้ายแจ้งเตือน กรวย/เสาจราจร สัญญาณไฟ ติดตั้งให้ครบถ้วนเพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบและระมัดระวังในการขับขี่สัญจร อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารสายทางหลวงชนบทที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ทาง Facebook กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม เว็บไซต์ www.drr.go.th หรือสอบถามได้ที่สายด่วน กรมทางหลวงชนบท (ทช.) โทร. 1146

อื่นๆ

Skip to content