Menu
home
>>
กรมทางหลวงชนบท ซ่อมสร้างถนนเชิงลาด สาย ตง.019 ผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีต เชื่อม จ.ตรัง – จ.นครศรีธรรมราช แล้วเสร็จ เพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทาง ส่งเสริมเศรษฐกิจการขนส่งสินค้าให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) มีภารกิจสำคัญในการพัฒนาและยกระดับทางหลวงสายรอง เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมให้ครอบคลุมการเดินทางของประชาชน ตลอดจนบำรุงรักษาสายทางในโครงข่ายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อความสะดวกรวดเร็วปลอดภัยให้กับประชาชน จึงได้ดำเนินโครงการซ่อมสร้างถนนเชิงลาด สาย ตง.019 สะพานข้ามแม่น้ำตรัง (สะพานอ้ายเต็ง – วังหิน) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นโครงการในพื้นที่ตำบลควนเมา อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง และไปสิ้นสุดโครงการในพื้นที่ตำบลวังหิน อำเภอบางขัน จังหวัดตรัง ด้วยรูปแบบถนนแอสฟัลต์คอนกรีต โดยวิธีการ Pavement In Place Recycling โดยแบ่งช่วงระยะดำเนินการเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ตั้งแต่ กม.ที่ 0+000 ถึง กม.ที่ 0+777 ระยะทาง 0.777 กิโลเมตร และช่วงที่ 2 ตั้งแต่ กม.ที่ 0+917 ถึง กม.ที่ 2+343 ระยะทาง 1.426 กิโลเมตร รวมระยะทางดำเนินการ 2.203 กิโลเมตร พร้อมติดตั้งเครื่องหมายจราจร และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย ใช้งบประมาณในการซ่อมสร้างรวม 8.800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการดังกล่าว ทช. ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และเปิดให้ประชาชนใช้ในการสัญจรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทาง สามารถใช้เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างจังหวัดตรัง และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตลอดจนช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะปาล์มน้ำมันให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และทันเวลา รวมทั้งช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าให้กับประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย

อื่นๆ

อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เผย ทช. สนับสนุนรถบรรทุกน้ำและเข้าช่วยเหลือประชาชนในช่วงภัยแล้งอย่างเต็มกำลังไปแล้วกว่า 240,600 ลิตร พร้อมเน้นย้ำให้เตรียมกำลังคนและยานพาหนะเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ประชุม Kick – off Meeting โครงการบริหารจัดการลำดับชั้นทางหลวงและยกระดับความปลอดภัย ถนนสาย นบ.5038 ถนนเชื่อมสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เผย ทช. สนับสนุนรถบรรทุกน้ำและเข้าช่วยเหลือประชาชนในช่วงภัยแล้งอย่างเต็มกำลังไปแล้วกว่า 240,600 ลิตร พร้อมเน้นย้ำให้เตรียมกำลังคนและยานพาหนะเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

Skip to content