อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการดังกล่าว ก่อสร้างระยะทาง 12.242 กิโลเมตร แบ่งเป็นถนนผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก ระยะทาง 9.200 กิโลเมตร ตั้งแต่ กม.ที่ 0+000 ถึง กม.ที่ 9+200 ความกว้างผิวทาง 14 เมตร ขนาด 4 ช่องจราจร ไหล่ทางกว้างข้างละ 2 – 3 เมตร ทางเท้ากว้างข้างละ 3.40 – 3.70 เมตร และถนนผิวจราจรแบบแอสฟัลต์คอนกรีต ระยะทาง 3.042 กิโลเมตร ตั้งแต่ กม.ที่ 9+200 ถึง กม.ที่ 12+242 ความกว้างผิวทาง 13 – 14 เมตร ขนาด 4 ช่องจราจร ไหล่ทางกว้างข้างละ 1 – 2.50 เมตร และทางเท้ากว้างข้างละ 2.90 – 3.70 เมตร รวมทั้งก่อสร้างสะพานใหม่ทดแทนสะพานเดิม จำนวน 3 แห่ง ขยายสะพานเดิม จำนวน 1 แห่ง พร้อมติดตั้งระบบระบายน้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง และสิ่งอำนวยความปลอดภัย โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 879.800 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อโครงการฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางและการขนส่งสินค้าแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพโครงข่ายระบบโลจิสติกส์ เชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่งอย่างมีระบบ พร้อมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และปริมาณการจราจรที่เพิ่มมากขึ้นอย่างยั่งยืน