นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม เป็นสาเหตุทำให้ถนนทางหลวงชนบทได้รับความเสียหาย
ในหลายจังหวัด โดยได้รับรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยล่าสุด (วันที่ 30 กรกฎาคม 67 เวลา 09.00 น.)
มีจังหวัดที่ได้รับความเสียหาย 4 จังหวัด คือ จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด และมีถนนทางหลวงชนบทได้รับผลกระทบจำนวน 7 สายทาง สัญจรผ่านได้แล้ว 2 สายทาง และยังไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 5 สายทาง ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร ป้ายเตือน รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยเข้าพื้นที่ทันทีเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ และสั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 1-18 และผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศ เตรียมความพร้อมบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนเมื่อได้รับการร้องขอตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดภัยพิบัติในพื้นที่ต่าง ๆ หลังจากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ กรมทางหลวงชนบทจะเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อซ่อมบำรุงและฟื้นฟูถนนทางหลวงชนบทที่ได้รับความเสียหายโดยใช้งบฉุกเฉินดำเนินการเพื่อให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติต่อไป ถนนทางหลวงชนบทที่ยังไม่สามารถสัญจรผ่านได้จำนวน 5 สายทาง ประกอบด้วย
1. สาย ตก.3002 บ้านวังแก้ว อ.แม่สอด, แม่ระมาด จ.ตาก กม.ที่ 12+050 – 12+250 น้ำท่วมขัง
2. สาย จบ.5020 บ้านวังแซ้ม อ.เมือง, มะขาม จ.จันทบุรี กม.ที่ 10+600 – 11+300 น้ำหลาก
3. สาย ตร.4019 บ้านศรีบัวทอง อ.เขาสมิง จ.ตราด กม.ที่ 5+000 – 6+313 น้ำหลาก
4. สาย ตร.5044 บ้านน้ำเพชร อ.เขาสมิง จ.ตราด กม.ที่ 2+200 – 2+800 น้ำหลาก
5. สาย กจ.011 สะพานวังเย็น จ.กาญจนบุรี กม.ที่ 0+250 – 0+275 น้ำกัดเซาะคอสะพานชำรุดเสียหาย
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนใช้รถใช้ถนนอย่างระมัดระวัง โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุหรือขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วนกรมทางหลวงชนบท โทร. 1146 หรือสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 1-18 และแขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศต่อไป